วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ขอบคุณน้องน้ำ : โดย...สุจินต์ จันทร์นวล

            ถ้าน้ำไม่ท่วม  ก็คงไม่รู้ว่าระบบการปล่อยน้ำจากเขื่อนทั้งหลายนั้น  มีหลักการอย่างไร  ในกรณีไม่ว่าน้ำจะเต็มเขื่อนหรือไม่เต็มเขื่อน   และใครคือคนที่บริหารจัดการเรื่องการระบายน้ำของเขื่อน  การไฟฟ้าฝ่ายผลิต  หรือกรมชลประทาน  หรือกระทรวงเกษตร  หรือนักการเมืองกันแน่
            ถ้าน้ำไม่ท่วม  ก็คงไม่รู้ว่าใครที่อยู่เบื้องหลัง  ตัวการสำคัญที่ทำให้น้ำมันท่วม  แต่ก็ยังทำลอยหน้าลอยตาไม่รู้ไม่ชี้  ซ่อนความคิดชั่วช้าเห็นแก่ตัว  อยู่เบื้องหลังใบหน้าอันเหี่ยวย่น
            ถ้าน้ำไม่ท่วม  ก็คงไม่รู้ว่าความคิดและวิธีการในการป้องกันน้ำท่วมของประเทศไทย  คือการวางกระสอบทรายกั้น  โดยไม่เคยคิดเรื่องความแรงและกำลังอัดของน้ำ   คิดแต่จะต้าน  คิดแต่จะสู้  โดยไม่ได้มีความรู้เรื่องศัตรูเลย
            ถ้าน้ำไม่ท่วม ก็คงไม่รู้ว่าสติปัญญา  ของนักการเมืองและข้าราชการไทย  ถูกจำกัดแค่อยู่ในกรอบและวงของตนเอง  แต่คิดว่าตัวเองเก่งเกินใคร  ไม่สนใจและมองข้าม  คนที่มีความรู้และประสบการณ์โดยตรง
            ถ้าน้ำไม่ท่วม  ก็คงไม่รู้ว่า  ระบบและกลไกการทำงานของรัฐบาล  กับการบริหารท้องถิ่น  มันไปคนละทิศคนละทาง แถมยังคิดทีละเรื่อง  ไม่มีการวางแผนทั้งหมด  หรือประมานว่า  ถนัดการแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันไปวันๆ  มากกว่าการคิดวางแผนจัดการตั้งแต่ต้นจนจบ
            ถ้าน้ำไม่ท่วม  ก็คงไม่รู้ว่า  คนนั่นเองคือต้นตอต้นเหตุ  คนชั่วๆที่มาเป็นนักการเมือง  มามีอำนาจในการบริหารประเทศ  มาจากความทะเยอทะยาน  ที่มีความละโมบเป็นแรงผลักดัน  มีความมักใหญ่ใฝ่สูงเป็นพลังงาน  และความอำหิตในจิตใจเป็นเครื่องชี้ทาง
            ถ้าน้ำไม่ท่วม  ก็คงไม่รู้ว่า  ทำไมประเทศไทยที่บริหารกันโดยนักการเมืองชั่วๆพวกนี้  ไม่เคยพยายามผลักดันเรื่องการศึกษาของชาติให้ดีไปกว่าเดิม  ไม่พยายามที่จะให้คนระดับล่างได้มีความรู้สูงๆ  เนื่องจากกลัวว่าหากประชาชนมีความรู้มาก  ก็จะรู้ทัน  ไม่สามารถจะชักจูงและหลอกล่อให้เชื่อถือได้   โกหกลำบาก  และจะไม่สามารถทำมาหากินบนภาษีอากร  เงินก้อนใหญ่ที่สุดของประเทศ  ที่เบียดบังเอาเป็นของตัวเองได้ไม่ยาก  ขอแค่มีตำแหน่งแห่งหนในซีกรัฐบาลได้เมื่อไหร่  ใครก็หยิบเงินนั้นมาเข้ากระเป๋าตัวเอง  เข้ากระเป๋าพรรคได้พวกได้  เพียงแค่พูดสร้างภาพหน่อยเดียว  พวกความรู้น้อยก็จะเชื่อ  ป้ายความผิดทุกอย่างที่จะมีให้คนอื่นได้
            ถ้าน้ำไม่ท่วม  ก็คงไม่รู้ว่าคนระยำพวกนี้  ไม่เคยคิดถึงความผิดชอบชั่วดี  ไร้ยางอาย  ไม่เกรงบาปกรรมใดๆ  เอาของบริจาคไปเบียดบังใส่ชื่อตัวเอง  ใส่ชื่อคนๆที่รักและชื่นชมเสมือนพ่อ  ซึ่งไม่เคยรู้จักแม้ชื่อแม่ของตัวเองด้วยซ้ำ  เพื่อเอามาหลอกชาวบ้านให้เชื่อ  ว่าคนๆนี้ส่งมาให้
            ถ้าน้ำไม่ท่วม  ก็คงไม่รู้ว่า  เงินทองสิ่งของที่คนไทยด้วยกัน  บริจาคให้เพื่อนพี่น้องร่วมชาติ  ที่ประสบความทุกข์ยาก  ให้แก่รัฐบาลนั้น  มันถูกเอาไปสร้างคะแนนนิยม  บิดเบือนเจตนารมณ์ของคนบริจาค  โดยนักการเมืองสีแดง  พอทำได้ไม่ราบรื่น  ก็ปล่อยให้เสียเปล่าลอยน้ำทิ้ง
            ถ้าน้ำไม่ท่วม  ก็คงไม่รู้ว่า  แค่ของบริจาคที่ต่างชาติส่งมาช่วย  ก็บริหารไม่เป็นแล้ว  ที่จะให้เกิดประโยชน์  ให้ไปถึงมือประชาชน  แต่ดันกลับถูกเก็บไว้แบบไม่แยแส  ปล่อยให้ชาวบ้านลำบาก  แล้วดีแต่พูดๆสร้างภาพ
            ถ้าน้ำไม่ท่วม  ก็คงไม่รู้ว่า  ขนาดเฮดควอเตอร์ของ ศปภ เอง  ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าน้ำจะท่วมจนต้องย้ายหนี  แปลว่าไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งที่ทำเลย  มันบ่งบอกว่าปัญญามีน้อยสักเพียงใด
            ถ้าน้ำไม่ท่วม  ก็คงไม่รู้ว่า  คนที่มานั่งบริหารประเทศทั้งประเทศ  ใช้คนไม่เป็น  ดูจากเอาอดีตตำรวจมาแก้ปัญหาเรื่องน้ำ  เอาใครต่อใคร  มาทำหน้าที่ผิดเรื่อง ผิดทางทั้งนั้น  แม้แต่นายกฯเองก็ยังอ่านผิดอ่านถูก  พูดผิดพูดถูก ไม่ว่าจะตามโผหรือนอกโผ
            ถ้าน้ำไม่ท่วม  ก็คงไม่รู้ว่า  พอประชาชนเดือกร้อน  พวกองค์การบริหารท้องถิ่นหายไปไหนกันหมด  เงินทองที่มี  ทำไมไม่เอามาช่วยประชาชนในถิ่นของตนเอง  กลับขอจากส่วนกลาง
            ถ้าน้ำไม่ท่วม ก็คงไม่รู้ว่า คนสร้างนิคมอุตสาหกรรมทั้งหลายไม่ได้คิดเรื่องน้ำเอาไว้เลย ทั้งเรื่องทำเลที่ตั้ง และระบบป้องกัน ระบบระบายน้ำ
            ถ้าน้ำไม่ท่วม ก็คงไม่รู้จักเส้นทางถนน และคูคลองต่างๆได้มากขนาดนี้
            ถ้าน้ำไม่ท่วม ก็คงไม่รู้ว่า ไม่มีใครจะรู้เรื่องน้ำดีลึกซึ้งเท่าพระเจ้าอยู่หัวเลย  ว่าท่านได้วางแผนบริหารจัดการไว้เป็นสิบๆปีมาแล้ว ในการแก้ปัญหาไม่ให้น้ำ ท่วมในแต่ละจังหวัดอย่างไร ไม่ใช่เพียงแค่กรุงเทพฯ แต่ไม่เคยมีรัฐบาลไหน นำแผนงานในพระราชดำริห์ไปจัดการให้เป็นความจริง
            ถ้าน้ำไม่ท่วม ก็คงไม่เห็นสนามบินดอนเมือง กลายเป็นสนามบินน้ำ
            ถ้าน้ำไม่ท่วม ก็คงไม่เห็น  ถนนหลายสายกลายเป็นคลอง
            ถ้าน้ำไม่ท่วม ก็คงไม่เห็นสิ่งของประดิษฐ์ด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่ใช้แทนพาหะนะลอยน้ำได้  รวมทั้งวิธีเอาตัวรอดและใช้ชีวิตอยู่กับน้ำได้ ของชาวบ้านแต่ละท้องถิ่น
            ถ้าน้ำไม่ท่วม ก็คงไม่เห็นภาพทางด่วน ทางยกระดับ สะพานข้าม แม้แต่โทลเวย์ มีรถจอดตามข้างทางเต็มไปหมด โดยไม่ผิดกฎหมาย
            ถ้าน้ำไม่ท่วม ก็คงไม่เห็นหน้าตา คนที่ฉกฉวยโอกาสขูดรีดคนที่เดือดร้อน ในรูปแบบต่างๆ
            ถ้าน้ำไม่ท่วม ก็คงไม่รู้ว่า การสื่อสารและการประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลนั้น อยู่ในระดับอนุบาลโดยแท้ เพราะไม่สามารถสื่อให้ประชาชนเข้าใจได้ เพราะข้อมูลมันฟังแล้วไม่เข้าใจ  แถมพูดกันไปคนละทางอีกต่างหาก  คนที่คุณแม่ช่างพูดก็มีอยู่เยอะเสียอีก ทำให้ประชาชนต้องพยายามหาสื่อด้านอื่นๆ มาพิจารณาเอาเอง
            ถ้าน้ำไม่ท่วม ก็คงไม่รู้ว่านักการเมืองท้องถิ่นนั้น ที่จริงมีสติปัญญาแค่ ไหน มีปากใหญ่กว่าสมองมากมายยังไง บางคนก็ต้องเย็บให้เล็กลง
            ถ้าน้ำไม่ท่วม ก็คงไม่รู้ว่าทีวีช่องไหน มีความสามารถในการเล่นกับข่าวน้ำ ท่วม จนทำให้คนดูตื่นตระหนก ได้มากกว่ากัน เสร็จแล้วก็ทำการตลาด ทำโซเชียลรีเลชั่นแมนเนจเมนท์ ด้วยการเป็นผู้รับบริจาค และเอาไปแจกจ่ายประชาชน  สร้างมีเดียไปด้วยตลอดทาง ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ลืมที่จะสร้างแบรนด์ของตัวเอง ขึ้นมาแบบเนียนๆ
            ถ้าน้ำไม่ท่วม ก็คงไม่รู้ว่า มีเดีย ทางจอโทรทัศน์ เป็นสื่อที่มีอิทธิพลที่สุด เพราะสามารถทำให้คนกรุงเทพฯแตก ตื่น กักตุนสินค้าอาหารและน้ำดื่มกันจนขาดตลาดได้ ซึ่งเท่ากับการที่ใครสามารถใช้ มีเดียเป็นเครื่องมือได้ ก็เท่ากับเป็นคนที่น่ากลัวมาก มีเดียเป็นอาวุธสองคมที่มีอันตราย
            ถ้าน้ำไม่ท่วม ก็คงไม่รู้ว่า ไม่ใช่แค่คนเท่านั้นที่เดือดร้อน สัตว์เองก็ลำบากไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงหรือไม่ได้เลี้ยง รวมทั้งได้เห็นคนที่รักเมตาสัตว์จริง กับคนที่สักแต่เลี้ยงอย่างเดียว  ดูแลสัตว์ต่างกันอย่างไร
            ถ้าน้ำไม่ท่วม ก็คงไม่รู้ว่า ในน้ำนั้นมันมากับขยะ กับของเสียจากคนจากสัตว์  จากท่อระบายน้ำ สะสมกันมาตั้งแต่ต้นทางยันปลายทาง มันเน่าสกปรกสักแค่ไหน
            ถ้าน้ำไม่ท่วม ก็คงไม่รู้ว่า การจัดเก็บขยะทำไม่ได้ เพราะรถเก็บขยะลุยน้ำเข้าไปไม่ถึง และกทม.ไม่ได้จ้าง เหมาให้เอกชนเก็บขยะ โดยการใช้เรือไว้ก่อน ขยะจึงเต็มบ้านเต็มเมืองพอๆกับน้ำ
            ถ้าน้ำไม่ท่วม ก็คงไม่ได้เรียนรู้ลึกๆ ถึงจิตใจคนรอบๆตัวเรา ว่าใครคิดอย่างไร มีนิสัยที่แท้จริงอย่างไร เมื่อยามที่ต้องเผชิญกับวิกฤติของชีวิต
            ถ้าน้ำไม่ท่วม ก็คงไม่ได้รับรู้ว่า ใครคือคนที่มีจิตใจเสียสละ เพื่อช่วยเหลือคนอื่น โดยไม่ได้คิดถึงอามิสสินจ้างแต่ประการใด ทำด้วยใจจริงๆ
            ถ้าน้ำไม่ท่วม ก็คงไม่รู้ว่าคนแก่ในบ้าน มีจิตใจมั่นคงเหมือนๆกันหมด ไม่นึกกลัวน้ำท่วมเหมือนผู้อ่อนวัยกว่า ในขณะที่ผู้อ่อนวัยกว่าตื่น ตระหนก และคิดแต่จะพาคนแก่หนีน้ำท่าเดียว ไม่ห่วงสมบัติพัสถาน เนื่องจากคิดว่าหาใหม่ได้ เพราะตัวเองยังมีเวลาหาราย ได้อีกมา ในขณะที่คนแก่รู้ว่า  เวลาของตัวเองมีน้อยลง และหารายได้ไม่ได้อีกแล้ว
            ถ้าน้ำไม่ท่วม ก็คงไม่ฟังข่าว ดูข่าว อ่านข่าว กันมากมายขนาดนี้
            ถ้าน้ำไม่ท่วม คนกรุงเทพฯคงไม่ออกไปต่างจังหวัด พร้อมๆกันมากขนาดนี้  ทั้งๆที่ไม่ใช่วันหยุดยาวหรือวันหยุดนักขัตฤกษ์แต่อย่างใด
            ถ้าน้ำไม่ท่วม จังหวัดใกล้เคียงกรุงเทพฯ คงไม่มีช่วงที่ค้าขายได้เป็นกอบเป็นกำมากขนาดนี้ เพราะคนกรุงเทพฯอพยพไปอยู่ กันมากมาย ไปแย่งกันกิน แย่งกันอยู่
            ถ้าน้ำไม่ท่วม ก็คงไม่รู้ว่า ฟลัดเวย์อยู่ตรงไหน และหากทำให้มันเป็นทางผ่านน้ำไม่ได้ ปีหน้าน้ำก็คงท่วม อีก เพราะนักการเมืองคงทะเลาะกันตามเคย จนไม่มีใครลงมือจัดการทำ เมื่อหน้าฝนปีหน้ามาถึง มรสุมเข้ามาอีก ตามธรรมชาติของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ น้ำทะเลหนุนสูงในช่วงนั้น น้ำก็มาอีก ท่วมอีก
            ถ้าน้ำไม่ท่วม คงไม่มีใครคิดจะล้างท่อระบายน้ำทั้งเมืองในครั้งเดียวกัน และสอนให้คนรู้ว่าน้ำมาจากท่อระบายน้ำเข้าถึงทุกที่ ปิดบนก็ลงล่างได้สะบายๆ
            ถ้าน้ำไม่ท่วม ก็คงไม่เห็นว่า กฎหมู่ยังไงก็เหนือกฎหมาย ชาวบ้านหยิบมือ ก็สามารถกดดันรัฐบาลได้ ว่าให้ปิดหรือเปิดประตูน้ำ ให้กั้นหรือให้รื้อกำแพง ถ้าไม่ทำจะเข้าทำลายหรือปิดถนน
            ถ้าน้ำไม่ท่วม ก็คงไม่เห็นนักการเมืองที่มาจากอันธพาล สามารถทำในสิ่งที่ตรง กันข้ามกับคำสั่งนายกฯ ได้ โดยนายกฯ ไม่กล้าหือ ต้องไปยืมมือผู้ว่ากรุงเทพฯ ช่วยจัดการแทน
            ถ้าน้ำไม่ท่วม ก็คงไม่รู้ว่า ทหารของในหลวง เป็นที่พึ่งให้ประชาชนอย่างแท้จริง ทหารทุกคนได้ใจของพวกเรา ไปหมดแล้ว เราอยากให้ช่วยต่อไปอีกเรื่อง หลังจากน้ำลด เอาไว้ค่อยบอกนะ
 ถ้า น้ำไม่ท่วม ก็คงยังจับโกหกไม่ได้ สำหรับคำโกหก ที่หลอกไว้ตอนหาเสียง ก็คงรับรู้กันชัดเจนว่าโกหก ได้รู้เช่นเห็นชาติแล้ว จะยังเชื่อต่อไปก็เชิญ ถึงแม้พวกเราจะรังเกียจเธอมาก เพราะเธอนอกจากไม่สวยแล้ว กลิ่นกายเธอยังเหม็นมาก เชื้อโรคเต็มไปหมด รีบไปหาหมอเสียนะ ไม่ได้ยินดีต้อนรับเลยสักนิด แต่เธอก็ หน้าด้านมาเยี่ยมเยียนพวกเราจนได้ มารยาททรามนะ แต่เราก็ให้อภัย เพราะไม่ใช่ความผิดของเธอ เป็นของคนที่เน่าเหม็นและน่ารังเกียจกว่าเธออีก อยู่เบื้องหลัง
            ขอบคุณน้องน้ำเน่า ที่ทำให้พวกเราตาสว่าง ได้รับรู้ รับเห็นอะไรมากมาย ระหว่างที่เธอมา
 ขอ ให้ไปดีมีสุข กลับสู่ที่ๆ เธอควรจะไป และหากเธอจะพาใครในรัฐบาลไปด้วยได้ ก็จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง ปี หน้าฟ้าใหม่ หายเน่าแล้ว ค่อยมาคุยกันอีกที นะ น้องน้ำ
-------------------
(สนามเรื่องสั้น-สั้น : ขอบคุณน้องน้ำ : โดย...สุจินต์ จันทร์นวล) คม ชัด ลึก 1 มกราคม 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น